“ผมแก่” คืออะไร จะรู้ได้ยังไงว่าผมของเราแก่หรือเปล่า?

ผมแก่ คืออะไร? สำหรับคนที่ไม่ทราบมาก่อนก็อาจจะพอเดาได้ว่าผมชนิดนี้มีลักษณะคล้าย ๆ กับผู้สูงวัยที่อาจจะมีความร่วงโรย ความเสื่อมสภาพไปตามการเวลา ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรนัก โดยนอกจากประเด็นที่กล่าวมา ผมชนิดนี้มักถูกใช้เรียกเส้นผมที่มีปัญหาต่าง ๆ ด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะมีอะไรบ้าง ในบทความนี้เรามีคำตอบ

"ผมแก่" คืออะไร จะรู้ได้ยังไงว่าผมของเราแก่หรือเปล่า?

ผมแก่ คืออะไร สังเกตยังไง สามารถป้องกันได้หรือเปล่า?

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นนอกจากเรื่องของริ้วรอยต่างๆ จะถามหาแล้ว “เส้นผม” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน แถมสภาพผมของเราก็สามารถล้ำหน้ากว่าวัยได้เช่นเดียวกับสภาพผิวอีกด้วย ทั้งนี้สัญญาณความแก่ของเส้นผมยังสามารถแสดงออกได้หลากหลายอย่าง เช่น อาการผมร่วง ผมบาง และยิ่งหากดูแลไม่ดี จากคนที่เคยผมเงางามก็อาจกลายเป็นหัวล้านได้เลยทีเดียว ดังนั้น หากอยากแก้ไขปัญหานี้อย่างตรงจุด เราควรรู้ถึงสาเหตุของมันก่อนว่าเกิดมาจากอะไรกันแน่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

ผมแก่ คืออะไร?

คือ ผมที่อยู่ในช่วงของการเสื่อมสภาพลงไปตามกระบวนการของร่างกายที่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลานั่นเอง ซึ่งเราทุกคนต่างทราบว่าเมื่อร่างกายของเราแก่ตัวลง อวัยวะต่าง ๆ รวมไปถึงการทำงานของร่างกายก็จะมีประสิทธิภาพที่ลดลงด้วย ซึ่ง “เส้นผม” ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเรากำลังแก่ตัวลงแล้ว จากเส้นผมที่เคยแข็งแรงจะค่อยๆ เส้นเล็กลง ขาดเปราะง่ายและหลุดร่วงไปในที่สุด ในขณะเดียวกับหนังศีรษะก็จะขาดความสมดุลจนทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะแห้งจนเป็นสาเหตุของรังแคได้อีก ซึ่งปัญหาดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ผมแก่ กับ ผมหงอก เหมือนกันไหม?

แม้สัญญาณแก่ของเส้นผมมักจะเกิดกับผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ แต่ผลลัพธ์จากภาวะผิดปกตินี้ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมที่แตกต่างจากผมหงอกอย่างสิ้นเชิง โดย “ผมหงอก” นั้นเกิดจากต่อมผมที่สร้างเม็ดสีเมลานิน จะเริ่มชะลอการสร้างน้อยลง ทำให้สีผมตามธรรมชาติของเราเปลี่ยนเป็นผมสีเทาขาวหรือเรียกว่า ผมหงอก คนปกติวัย 30 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีผมหงอก หรือสำหรับกรณีที่ผมหงอกก่อนวัยก็จะต้องดูที่ปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่สำหรับปัญหาผมแก่ นอกจากจะเกิดจากการมีอายุเพิ่มขึ้นแล้ว ก็เกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น บุคคลนั้น ๆ อาจมีปัญหาหนังศีรษะที่ส่งผลต่อเส้นผมโดยตรง ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเหมือนผมหงอกนั่นเอง

สัญญาณความแก่ของผม สังเกตจากอะไรได้บ้าง?

จะรู้ได้ยังไงว่าผมของเราแก่หรือยัง? คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย วันนี้เราจึงนำแนวทางการสังเกตมาฝากกัน

1.ผมร่วง

เพราะการงอกทดแทน หรือการงอกใหม่ ๆ จะเริ่มน้อยลงเนื่องด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในรายที่มีอายุน้อยอาจมาจากพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อผมร่วง เช่น หวีรุนแรง หรือมัด ตึง กระชากผม เป็นต้น

2.ขนาดของเส้นผมเล็กลง

เมื่ออายุมากขึ้นรากผมจะเริ่มอ่อนแอลง ผลที่ตามมาคือเส้นผมที่เคยแข็งแรงจะค่อย ๆ เส้นเล็กลง ขาดเปราะง่ายและหลุดร่วง จากที่เคยเป็นคนที่ผมเส้นใหญ่ ๆ กลายเป็นผมเส้นเล็กลงไปเลยและอาจส่งผลให้ภาวะหัวล้านตามมา

3.หนังศีรษะเกิดรังแค

เนื่องจากต่อมสร้างไขมันทำงานน้อยลง ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้งขึ้นจนเป็นสาเหตุของรังแคหรือในบางกรณีก็อาจทำให้หนังศีรษะมัน เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกจนไปอุดตันบริเวณรูขุมขนและทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4.ผมไม่เกิดใหม่ หรือ เกิดใหม่น้อยลง

เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดภาวะหัวล้าน เนื่องจากปกติผมใหม่ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 20-25 เส้นด้วยกันแต่เนื่องด้วยปัญหาความแก่ของเส้นผมที่เกิดขึ้น ก็ทำให้รากผมใหม่เกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่นั่นเอง

แนวทางการแก้ไข ช่วยให้ชะลอความแก่ของเส้นผมมากขึ้น

สำหรับแนวทางแก้ไขแบบธรรมชาติ ผู้ที่ประสบปัญหาผมชนิดนี้สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตนเอง ดังนี้

  • เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผม
  • ควรหมั่นนวดหนังศีรษะบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นให้หนังศีษะแข็งแรงมากขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและเส้นผมด้วยน้ำมันชะโลมต่าง ๆ
  • เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับหนังศีรษะและเส้นผมมากขึ้น ทั้งนี้อาจเลือกเป็นสูตรออร์แกนิคหรือไร้สารเคมีเพื่อให้หนังศีรษะโดนทำร้ายน้อยลง

3 เทคนิคทางการแพทย์กระตุ้นเซลล์รากผมให้แข็งแรงขึ้น

สำหรับเทคนิคทางการแพทย์ที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือเทคนิคการกระตุ้นเซลล์รากผมให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 3 เทคนิค ดังต่อไปนี้…

1.การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย PRP

การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ Hair Therapy เป็นการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่อ่อนแอ ให้กลับแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการทำ PRP นี้ถือเป็นการปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง กับคนไข้ที่มีภาวะปัญหาผมบาง และหลุดร่วงง่ายแต่จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับบริเวณที่ไม่มีผมขึ้นมาเลย หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง โดย PRP แพทย์จะทำการฉีดไปบริเวณส่วนที่ต้องการการฟื้นฟู และยังช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่หยุดทำงาน ให้กลับมาสร้างเส้นผมได้พร้อมบำรุงให้เกิดความแข็งแรง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถเห็นความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ PRP ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้งพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ นับว่าเป็นทางเลือกในการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถทำควบคู่กับการปลูกผม FUE/DHI/NHI ฯลฯ ได้อีกด้วย

2.การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย MESO Hair

การทำ MESO Hair เป็นการผลักตัวยา และวิตามินเข้าบำรุงเซลล์รากผม เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางหลุดร่วง ส่วนมากเกิดจากความเครียด, การเจ็บป่วย, การดัดย้อมด้วยเคมีที่รุนแรง เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ซึ่ง MESO Hair เป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เสริมสร้างการเกิดใหม่ของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วงให้เส้นผมมีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการทำสองสัปดาห์ต่อครั้ง และส่วนมากจะเริ่มเห็นผลในเดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป

3.การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย โปรตีนขนาดเล็ก Exosome

วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้องค์ประกอบของโปรตีน ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางของโปรตีนประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึง 1/1,000 เท่า ใน Exosome จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลเกุลมากมาย อาทิเช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA ฯลฯ ที่มากกว่า PRP 1,000 เท่าตัว ทำให้เกิดการกระตุ้น ฟื้นฟู และมีการซ่อมแซมเซลล์รากผมได้อย่างดีเยี่ยม

วิธีรักษาสำหรับผู้ประสบปัญหาผมบาง
ตัวอย่างขั้นตอนการกระตุ้นเซลล์รากผมด้วยเทคนิค PRP

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ
ก็เป็นได้ เช่น การปลูกผม ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น ซึ่งวิธีต่าง ๆ ที่กล่าวมาจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ทั้งสิ้นเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ผมข้างหน้าบางทำไง รักษาวิธีไหนได้ผลที่สุด

ยืดผมแล้วผมร่วง เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่?

ถอนผมหงอกทำหัวล้านไหม แก้ไขอย่างไรดี?



ทำไมต้องปลูกผมที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

เพราะปลูกผมในโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลนวมินทร์9 ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล JCI, USA โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยเพราะทำในโรงพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานสากลระบบโลก JCI ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ด้วยความชำนาญจากแพทย์ดังที่ได้กล่าวไป จึงส่งผลให้มีผลข้างเคียงน้อยตามไปด้วย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งการรับประกัน 1 ปีเต็ม ติดตามอาการและดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผมไม่มีค่าใช้จ่าย ปลูกไม่ขึ้น ปลูกให้ใหม่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องทำซ้ำ อยู่กับเราไปตลอด เส้นผมขึ้นใหม่เป็นเส้นผมจริงตามธรรมชาติ ที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน หลุดร่วงช้ากว่าวงจรปกติ บริการ ปลูกผม เส้นผมและหนังศีรษะ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

1). The PRIME สาขา โรงพยาบาลนวมินทร์9
Facebook: The PRIME Medical Center โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (www.facebook.com/theprimenavamin9)
Instagram: the.prime.medical (www.instagram.com/the.prime.medical)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 095-750-5555
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)

2). The PRIME พระโขนง
Facebook: The PRIME Medical Center สาขา summer hill พระโขนง (www.facebook.com/the.prime.summerhill)
Instagram: the.prime.sukhumvit (www.instagram.com/the.prime.sukhumvit)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 082-479-4666
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)