ปลูกผม | บริการปลูกผมถาวร
ปัญหาเส้นผมและหนังศรีษะ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน หัวเถิก ทั้งในผู้ชาย และในผู้หญิง ล้วนส่งผลให้เสียบุคลิกภาพ และขาดความมั่นใจ ซึ่งผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านในผู้ชาย เกิดขึ้นได้เร็วมากขึ้น มากกว่า 30% ของผู้ชายไทย วัย 30 ปีขึ้นไป มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน และเพิ่มเป็นกว่า 50% เมื่อเข้าสู่อายุ 50 ปี ซึ่งมากกว่า 95% ของผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางมีสาเหตุหลักมาจาก “กรรมพันธุ์” หรือ Androgenetic Alopecia ไม่ใช่ว่าผู้หญิงไม่มีปัญหาผมร่วง ผมบางนะคะ 40% ของผู้หญิงก็มีปัญหาเช่นกัน ซึ่งปัญหาเกิดมาจาก Androgenetic Alopecia (AGA) บริเวณรากผมที่มีความผิดปกติจากฮอร์โมนทำให้เซลล์อ่อนแอและถูกยับยั้งการแบ่งตัวจากผลของ Testosterone ทำให้รากผมฝ่อตัวจนเกิดภาวะผมร่วง ผมบางและหัวล้านในขณะที่เซลล์รากผมในบริเวณที่ผมหนาจะอยู่ในภาวะปกติ ซึ่งเคสส่วนใหญ่ที่เหมาะกับการรักษาคือ ผู้ชายอยู่ใน Stage 1-3 ส่วนในผู้หญิง stage 1-2 ใครที่มีคนในครอบครัวปมีปัญหาหัวล้าน ผมบาง อาจต้องสังเกตสภาพผมของตัวเองให้ดี ป้องกันไว้ ดีกว่ามารักษาทีหลังค่ะ
ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะที่ต้องใช้การปลูกผมถาวรเข้าช่วย
ปลูกผมถาวร อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากหลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหา หัวล้าน ผมร่วง ผมบาง จนต้องเลือกวิธีการรักษาที่เห็นผลและให้ผลลัพธ์ได้ในระยะยาว การปลูกผมแบบถาวร จึงเป็นวิธีที่มักถูกเลือกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่นิยมแค่ไหน แต่เชื่อเหลือเกินว่ายังมีอีกหลายท่านที่อาจจะยังไม่ทราบและรู้จักหัตถการชนิดนี้มากพอ ดังนั้น ในบทความนี้ Vital Glow จึงจะพาผู้อ่านมาทำความรู้จักกับการปลูกผมมากขึ้นพร้อมวิธีเลือกการรักษาให้เหมาะกับตนเองมากขึ้น
แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมกันเสียก่อน ซึ่งหลัก ๆ ประกอบด้วย…
ปัญหาหัวล้านแบบผู้ชาย (หัวล้านกลางศีรษะ)
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คุณผู้ชายหลาย ๆ คนต้องพบกับปัญหาศีรษะล้านก็คือ กรรมพันธุ์ที่ถูกส่งต่อมาจากคนในครอบครัว ซึ่งอาจมีมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด คุณปู่ คุณตา มาเรื่อย ๆ จนมาถึงรุ่นของเราเอง ซึ่งหากคุณผู้ชายท่านใดที่มากรรมพันธุ์นี้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และต้องมาผสมโรงกับปัญหาจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญอีกตัวหนึ่งของเพศชายที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายที่ค่อนข้างแรง ส่งผลให้เส้นผมของคุณผู้ชายหลาย ๆ ท่านมีระยะของการเจริญเติบโตผิดปกติ และทำให้รากผมและต่อมผมฝ่อลงตามไปด้วย จนกลายเป็นภาวะศีรษะล้านตามที่เห็นกันนั่นเอง
ปัญหาผมบาง
อาการผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุที่หลายคนมองข้ามก็คือ พฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางพฤติกรรมดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำกันอยู่ทุกวัน และพฤติกรรมเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เกิดปัญหาเส้นผมร่วงมากกว่าปกติ เช่น อุณหภูมิที่ใช้สระผมไม่เหมาะสม, สระผมบ่อยเกิน, นอนดึก, รุนแรงกับเส้นผม เช่น มัดตึง ดึง รั้งเกินไป ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเพียงสาเหตุเบื้องต้นเท่านั้น
รวมแนวทางการรักษาปัญหาหัวล้านและผมบาง จาก Vital Glow Clinic
ที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL เราให้บริการรักษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ ตั้งแต่ การปลูกผมด้วยเทคนิคต่างๆ ทรีตเม้นต์ต่างๆ และ ยา อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ดูแลและรักษาเส้นผมและหนังศีรษะ
โดยการรักษาโดยการปลูกผมและการรักษาปัญหาเส้นผมต่าง ๆ นั้นแบ่งออกได้หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งจะถูกแบ่งออกตามประเภทของผู้ประสบปัญหาในแต่ละแบบ ดังนี้
การรักษาผมร่วง ผมบางมีกี่แบบ
โดยปกติแล้วการรักษาภาวะผมร่วง จะมีวิธีการรักษาหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกัน ดังนี้
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย PRP
การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ Hair Therapy เป็นการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่อ่อนแอ ให้กลับแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งซึ่งการทำ PRP นี้ถือเป็นการปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง กับคนไข้ที่มีภาวะปัญหาผมบาง และหลุดร่วงง่ายแต่จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับบริเวณที่ไม่มีผมขึ้นมาเลย หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง โดย PRP แพทย์จะทำการฉีดไปบริเวณส่วนที่ต้องการการฟื้นฟู และยังช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่หยุดทำงาน ให้กลับมาสร้างเส้นผมได้พร้อมบำรุงให้เกิดความแข็งแรง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถเห็นความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากนี้ PRP ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้งพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ นับว่าเป็นทางเลือก ในการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถทำควบคู่กับการปลูกผมถาวร FUE/DHI/NHI ฯลฯ ได้อีกด้วย
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย MESO Hair
การทำ MESO Hair เป็นการผลักตัวยา และวิตามินเข้าบำรุงเซลล์รากผม เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางหลุดร่วง ส่วนมากเกิดจากความเครียด การเจ็บป่วย การดัดย้อมด้วยเคมีที่รุนแรง เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี MESO Hair เป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เสริมสร้างการเกิดใหม่ของเส้นผม และชะลอการหลุดร่วงให้เส้นผมมีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการทำสองสัปดาห์ต่อครั้ง และส่วนมากจะเริ่มเห็นผลในเดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป
การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย โปรตีนขนาดเล็ก Exosome
วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้องค์ประกอบของโปรตีน ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางของโปรตีนประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึง 1/1,000 เท่า โดยใน Exosome จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลเกุลมากมาย อาทิเช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA ฯลฯ ที่มากกว่า PRP 1,000 เท่าตัว
ทำให้เกิดการกระตุ้น ฟื้นฟู และมีการซ่อมแซมเซลล์รากผมได้อย่างดีเยี่ยม
ตัวอย่างของชีวโมเลกุลที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์รากผม
- Cytokine และ Growth factor เป็นตัวทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ เพื่อให้มีการทำงานของเซลล์นั้น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
- Micro RNA เป็นตัวช่วยปรับระดับการทำงานของยีนส์ในเซลล์ให้เป็นปกติ กระตุ้นการสร้างโปรตีน ยับยั้งยีนส์ที่ไม่ดี ส่งผลให้เซลล์รากผมมีการเจริญเติบโตที่ดีทั้งยังมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และชะลอวัยในระดับเซลล์
โดยในการปลูกผมในแต่ละครั้ง ศัลยแพทย์อาจทำการปลูกผมในปริมาณตั้งแต่หลายร้อยเส้น ไปจนถึงหลายพันเส้น ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป เมื่อการปลูกผมเสร็จสิ้น ศัลยแพทย์จะนำผ้าก๊อชคือผ้าพันแผลที่สามารถระบายอากาศได้ปิดบริเวณที่ทำการปลูกผมไว้ประมาณ 1-2 วัน โดยในการปลูกผมอาจจะต้องทำซ้ำ 3-4 ครั้งจนกว่าได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจตามที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องการ ขณะที่ในการปลูกผมแต่ละครั้งจะต้องทิ้งระยะเวลาห่างกันหลายเดือนเพื่อให้แผลจากการรักษาครั้งก่อนหายเป็นปกติแล้วจึงจะสามารถทำการปลูกผมในครั้งต่อไปได้
การรักษาปัญหาหัวล้าน มีกี่แบบ
แบ่งออกได้เป็น 4 วิธีหลัก ๆ คือ
เทคนิค FUE
การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส
การปลูกผมเทคนิค FUE Advance
การปลูกผมแบบ FUE Advance เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส
นอกจากเทคนิคแบบ FUE แล้วก็มีอีกหนึ่งเทคนิคที่ตีคู่กันมาเช่นเดียวกันนั่นคือการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT ซึ่งทั้ง 2 เทคนิคนี้ แม้จะเป็นวิธีทางศัลยกรรมการปลูกผมถาวรเหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ ซึ่งอาจรวมไปถึงกลุ่มผู้เข้ารับบริการแบบเฉพาะวิธีด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรสามารถอ่านต่อได้ที่ ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT ต่างกันยังไง แบบไหนดีกว่ากัน?
การปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)
การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดี รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น
การปลูกผมแบบ NHI (Navamin Hair Transplant)
การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี
รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่า รวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริงเทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการปลูกผม มีขั้นตอนใดบ้าง
สำหรับการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการปลูกผมหรือรักษาหนังศีรษะ ผู้เข้ารับบริการสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ได้ดังนี้
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการปลูกผม เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง และทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าลง
- หยุดการรับประทานยา อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการปลูกผม โดยเฉพาะวิตามินหรือยารักษาอาการบางชนิด เพราะยาอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาได้ โดยเฉพาะกลุ่ม ASPIRIN หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก
- งดออกกำลังกาย 3 – 4 วัน เพื่อไม่ให้หลอดเลือดขยายตัว เพราะจะส่งผลต่อรอยแผล
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการปลูกผม เพื่อป้องกันหลอดเลือดขยายตัว เพราะจะทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชม. เพื่อให้เซลล์ผมแข็งแรง และทำงานได้เต็มที่
- สระผมให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการจัดแต่งทรงผม ในวันที่มีการปลูกผม
- ใส่เสื้อผ้าที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อลดการสัมผัสเวลาถอด หรือสวมใส่ ในวันที่มีการปลูกผม
- รับประทานอาหารเช้าได้ตามปกติ งดชากาแฟในตอนเช้า ในวันที่มีการปลูกผม
- แนะนำให้มีญาติมารับกลับหลังผ่าตัด รวมถึงเตรียมตัวพบแพทย์เพื่อดูและติดตามอาการรวมถึงนัดเปิดแผลเพื่อทำความสะอาดแผลใน 1-3 วันแรกหลังการปลูกผม
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผม
หลังการเข้ารับบริการแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญคือการดูแลตนเองของคนไข้ที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างถูกต้องและทำตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งการดูแลตนเองเบื้องต้นประกอบด้วย
- งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 วัน ถึง 1 เดือนหลังการปลูกผม เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง และทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าลง
- ปิดผ้าพันแผลที่บริเวณหนังศีรษะอย่างน้อย 1-2 วัน และระวังไม่ให้ศีรษะกระทบ กระแทกสิ่งของ
- งดตากแดด หรือโดนแสงแดดเป็นเวลานาน เนื่องจากรังสียูวีจะส่งผลต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงห้ามอยู่ในที่อากาศร้อนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เสี่ยงติดเชื้อ
- งดออกกำลังกาย ยกของหนัก หรือก้มหยิบของ อย่างน้อย 7 วัน
- งดว่ายน้ำ และอบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณที่ปลูกผม
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 2 วัน ถึง 1 สัปดาห์หลังการปลูกผม เพราะแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายตัว ส่งผลให้เลือดไหลออกได้ง่ายขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแกะเกาหนังศีรษะ และสะเก็ดแผล เพราะอาจทำให้เลือดออก หรือแผลติดเชื้อ
- รักษาความสะอาดของแผลรวมถึงหนังศีรษะบริเวณอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยการล้างแผลและสระผมมีขั้นตอนค่อนข้างละเอียดเพื่อป้องกันกราฟท์ผมหลุดออก โดยสามารถสระผมได้ตามปกติหลังปลูกผม 1 เดือน และสามารถใช้เจล หรือมูสแต่งผมได้หลังปลูกผมประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ต้องระวังอย่างให้ถูกแผลปลูกผม รวมถึงสามารถทำสีผมได้หลังปลูกผม 1 เดือน (หากต้องการทำสีผมก่อนการปลูกผม ควรทำสีผมอย่างน้อย 2 วันก่อนปลูกผม)
- นอนยกศีรษะให้สูงขึ้น ประมาณ 45 องศา อย่างน้อย 3 วัน เพื่อลดแรงดันที่อาจทำให้รากผมหลุดร่วงออกมาได้ รวมถึงนอนในท่าที่ไม่กระทบแผลปลูกผม และ
- ปรึกษาแพทย์ก่อนการทานยาและอาหารเสริม เนื่องจากยาหรืออาหารเสริมบางตัวอาจจะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจส่งผลให้เกิดอาการเลือดออกบริเวณแผลได้ และอาจจะทำให้รากผมหลุดได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ ก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น และสุดท้ายนี้ วิธีและเทคนิคการปลูกผมดังกล่าวนั้นจะถูกนำมาใช้กับผู้บริการคนไหนบ้าง จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาและดุลยพินิจของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่กำลังสนใจอยากเข้ารับบริการปลูกผมจึงควรเข้ารับการตรวจเช็คอย่างละเอียดและเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อที่จะได้ทราบแนวทางการรักษาสำหรับตนเองโดยเฉพาะและทราบถึงการเตรียมตัวและดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการอย่างละเอียดกับแพทย์-ผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัวด้วยนั่นเอง
ปลูกผมถาวร ศูนย์ปลูกผมถาวรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผมบาง ผมเป็นไข่ดาว ศีรษะล้าน ปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการปลูกผม ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ ดี ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ ที่สุดสำหรับคนที่มีศีรษะล้านหรือบาง ด้วยเทคนิคเฉพาะของ รพ. จากประเทศเกาหลี
เส้นผมและรากผมแข็งแรง หนาแน่นเป็นธรรมชาติ สร้างแนวเส้นกรอบหน้า แนวเส้นผมใหม่และเห็นผลทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องนอนค้าง รพ. แทบไร้รอยแผลเป็น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว ทำเพียงครั้งเดียว อยู่ได้ตลอดไม่ต้องทำซ้ำ และการปลูกผมนับเป็นการผ่าตัดเล็ก
การปลูกผมถาวรนั้น คือการย้ายรากผมจากที่หนึ่ง (ในบริเวณด้านหลังของศีรษะ) ไปยังอีกที่หนึ่ง (บริเวณที่ต้องการปลูก) ไม่ได้เป็นการเพิ่มเส้นผมจากที่มีอยู่ ผมบริเวณที่รากผมถูกนำออกมาแล้วจะไม่ขึ้นมาใหม่ แต่ผมจะไปขึ้นในบริเวณที่หมอนำรากผมไปปลูกแทน วิธีการปลูกผมถาวรจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส
การปลูกผมจะเรียกผมเป็น กราฟผม คือ กอผมหรือเนื้อเยื่อของผม ในปกติ 1 กราฟผมจะมีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น โดยจำนวนกราฟที่ใช้ในการปลูกผมถาวรของแต่ละคนนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน สำหรับใครที่อยกาทราบละเอียดเกี่ยวกับกราฟผมว่าคืออะไร สำคัญกับการรักษาภาวะผมร่วงผมบางอย่างไร สามารถอ่านต่อได้ที่ กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด กราฟผมจะมีผมกี่เส้น
ซึ่งจากที่ได้กล่าวมา ผู้อ่านจะเห็นได้แล้วว่าการปลูกผมหรือการรักษาปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะต่าง ๆ จำเป็นต้องได้รับการบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น เนื่องจากการรักษาจะมีทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด รวมถึงการจ่ายยาและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญทั้งสิ้น โดยที่ Vital Glow Clinic ของเรา มีทีมแพทย์เฉพาะทางและมีความชำนาญการในการรักษาหลายท่าน ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความปลอดภัยและผลลัพธ์ตามที่ต้องการอย่างแน่นอน
ทีมแพทย์จาก The PRIME Medical Center
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะหลายท่าน
พญ. จรัสนัฐ หล่อธราประเสริฐ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผมข้างหน้าบางทำไง รักษาวิธีไหนได้ผลที่สุด
ปลูกผมกลางหัวได้ไหม ผมบางกลางหัวปลูกผมวิธีไหนดี?
ปลูกผมราคาเท่าไหร่ แพงไหม แต่ละเทคนิคราคาเท่ากันหรือเปล่า?
FAQ-คำถามที่พบบ่อย
เมื่อไหร่ที่ควรปลูกผม? ทำไมต้องปลูกผม ?
การปลูกผมไม่ได้เพียงเป็นแค่การรักษาภาวะ ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน หรือหัวเถิกเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพอีกด้วย ดังนั้น ถ้าหากคุณมีคุณสมบัติดังนี้ คุณควรได้รับการรักษาด้วยการปลูกผม
- ผู้ที่มีภาวะศีรษะล้าน
- ผู้ที่มีลักษณะผมที่บาง
- ผู้ที่สูญเสียเส้นผมบางส่วนจากการไฟไหม้ หรืออาการบาดเจ็บที่หนังศีรษะ
- อีกทั้งการปลูกผมยังมักใช้เพื่อช่วยรักษาปัญหาศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ (Andorgenetic Alopecia) ที่เกิดจากการถ่ายทอดยีนศีรษะล้านระหว่างคนในครอบครัว รวมถึงยังใช้ควบคู่กับการรักษาในผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจนทำให้ศีรษะล้าน
ข้อห้ามในการปลูกผม มีอะไรบ้าง
แม้ว่าการปลูกผมจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับปัญหา ผมร่าง ผมบาง หัวล้าน หัวเถิก เสมอไป โดยการปลูกผมด้วยก็ไม่เหมาะกับคนที่มีคุณสมบัติดังนี้
- ผู้ที่มีลักษณะศีรษะล้านแบบกระจัดกระจาย หรือมีการล้านของศีรษะที่กว้าง
- ผู้ที่มีปริมาณผมที่ใช้ในการปลูกไม่เพียงพอ
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องคีลอยด์หรือแผลเป็นง่ายเมื่อผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บ
- ผู้ที่มีสาเหตุของศีรษะล้านอันเนื่องมาจากการรักษาทางการแพทย์ เช่น เคมีบำบัด
การ ปลูกผมใช้เวลาและพักฟื้นนานหรือไม่?
การปลูกผมใช้เวลาประมาณ 6-8ชั่วโมง และพักฟื้นภายหลังการปลูกผมประมาณ 2-3วัน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ แต่ยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อผลการรักษาที่สมบูรณ์
ผมที่ปลูกจะอยู่ไปตลอด หรือถาวรหรือไม่?
ผมที่ถูกเลือกมาใช้สำหรับการปลูกผม เป็นรากผมและเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยและหลังกกหู หรือที่เรียกว่า Donor Area ซึ่งผมบริเวณนี้เป็นบริเวณที่รากผมไม่มีต่อมรับสัญญาณเพศชายที่จะไปกระตุ้นให้ผมร่วง ดังนั้นรากผมและเส้นผมจากบริเวณนี้จะเป็นรากผมและเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนหรือจากภาวระผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ซึ่งไม่ว่าจะปลูกผมในบริเวณใดก็ได้ (Recipient Area) ผมที่ปลูกก็ตามจะอยู่กับเราไปตลอดอย่างถาวร อย่างไรก็ตามหลังการปลูกผม ยังคงต้องรดูแลผมและหนังศีรษะอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผมที่ปลูกรวมถึงผมเดิมอยู่กับเราอย่างแข็งแรง สุขภาพดี ไปได้นานที่สุด
The PRIME Medical Center และ VITAL GLOW: SKIN & AESTHETIC คือที่เดียวกันหรือไม่
The PRIME Medical Center คือศูนย์ปลูกผมโรงพยาบาลนวมินทร์9 ส่วน VITAL GLOW: SKIN & AESTHETIC คือ ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งและความงาม ผิวพรรณ ความงามและรูปร่าง รวมถึงเวชศาสตร์ชะลอวัย ซึ่งทั้งคู่ดูแล ควบคุมและบริหารโดยโรงพยาบาลนวมินทร์9 จึงมั่นใจได้ว่าไม่ว่าคุณจะติดต่อผ่านช่องทางใด ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ปลูกผมโรงพยาบาลนวมินทร์9, The PRIME Medical Center หรือ VITAL GLOW: SKIN & AESTHETIC คุณจะได้รับบริการด้วยมาตรฐานเดียวกันภายใต้มาตรฐานโรงพยาบาลนวมินทร์9 ทั้งสาขาโรงพยาบาลนวมินทร์9 (มีนบุรี), สาขา Summer Hill @ BTS พระโขนง และสาขาอื่นๆในอนาคต