ผมเส้นเล็ก vs ผมบาง เหมือนกันหรือไม่ ทำยังไงให้ดูหนาขึ้น?

“ผมเส้นเล็ก” กับ “ผมบาง” ต่างกันไหม? ยังคงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าภาวะของเส้นผมทั้ง 2 แบบนี้ต่างกันไหม หรือมีแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบเดียวกันหรือเปล่า เพราะผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วจะพบกับผลข้างเคียงคล้ายกันคือการดูมีผมที่ดูบาง ไร้น้ำหนัก ทำให้สูญเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจความแตกต่างของปัญหาผมทั้ง 2 แบบนี้พร้อมแนวทางแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน

ผมเส้นเล็ก vs ผมบาง เหมือนกันหรือไม่ ทำยังไงให้ดูหนาขึ้น?

ผมเส้นเล็ก กับ ผมบาง คืออะไร ต่างกันอย่างไร?

จากที่กล่าวไปว่าปัญหาผมของทั้ง 2 แบบดังกล่าว แม้จะส่งผลข้างเคียงต่อผู้ประสบปัญหาคล้าย ๆ กันแต่ทั้งปัญหาเส้นผมที่มีขนาดเล็กหรือผมบางก็มีข้อแตกต่างกันอยู่ ซึ่งข้อแตกต่างดังกล่าวก็ยังส่งผลถึงวิธีการดูแลที่อาจแตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทราบถึงประเด็นดังกล่าวอย่างละเอียดเพื่อให้แนวทางการรักษาเหมาะสมและตรงกับกรณีของผู้ประสบปัญหามากที่สุด

เส้นผมขนาดเล็ก คือ…

เส้นผมที่มีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุหลัก ๆ 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ กรรมพันธุ์ และ การทำร้ายเส้นผม ซึ่งสำหรับสาเหตุทางกรรมพันธุ์ทางครอบครัวนั้นถือว่าเป็นภาวะปกติที่ถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แต่สำหรับสาเหตุพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการเกาแรง ๆ , การทำสี-ใช้สารเคมี และการใช้ความร้อน ถือเป็นต้นตอที่ทำให้เส้นผมมีขนาเล็กลงทั้งสิ้น

เส้นผมขนาดเล็ก เป็นยังไง?

สำหรับผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าตนเองมีขนาดของเส้นผมที่เล็กหรือใหญ่กันแน่ ทุก ๆ คนสามารถสังเกตได้จากสีผมของเส้นผมของเราเอง เพราะเส้นผมที่มีขนาดเล็กจะมีสีที่เข้มไม่เท่ากับคนที่มีเส้นผมขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากเมเลนินที่เส้นผมน้อยว่านั่นเอง ทั้งนี้ยังดูมีความเบา ไม่มีน้ำหนักและจัดทรงผมได้น้อยกว่าด้วย

เส้นผมขนาดเล็ก ต่างจาก ผมบาง อย่างไร ?

หากผู้ประสบปัญหาอายุไม่เยอะมาก และไม่มีปัจจัยที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมขาดหลุดร่วง แต่กลับพบวาเส้นผมของตนเองเส้นเล็กและบาง นั่นหมายความว่าเป็นคนที่มีกรรมพันธุ์ผมเส้นเล็ก แต่สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผมบางลง จากแต่ก่อนที่เส้นแลดูหนากว่านี้ ลองสังเกตเส้นผมที่ร่วงออกมาว่าเป็นผมเส้นเล็กด้วยมั้ยหากผมที่ร่วงลงมาเป็นผมเส้นเล็ก นับว่าเป็สัญญาณอันตรายของการเกิดรากผมฝ่อ และคุณไม่ได้เป็นคนเส้นเล็กตั้งแต่กำเนิด ผมที่เส้นเล็กลงจะนำไปสู่ศีรษะล้านได้นั่นเอง

แนวทางแก้ไขและดูแลปัญหาเส้นผมมีขนาดเล็ก มีอะไรบ้าง?

สำหรับผู้ที่มีผมขนาดเล็กที่เกิดจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ สามารถป้องกันและดูแลปัญหานี้ได้ง่าย ๆ โดย…

ลดพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ

เนื่องจากพฤติกรรมบางอย่างนั้นมีความเสี่ยงที่จะทำร้ายรากผม ซึ่งที่แย่กว่านั้นคือบางคนไม่ทราบและกระทำพฤติกรรมเสี่ยงมาโดยตลอด เช่น มัดผมแน่น ๆ , ดึงผม, ไดร์ผม และใช้สารเคมี ถือเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายรากผมทั้งสิ้น ดังนั้นจึงควรลดพฤติกรรมดังกล่าวลงเพื่อให้รากผมฟื้นตัวมากขึ้น

เลือกใช้แชมพู

แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติหรือสมุนไพร เนื่องจากแชมพูส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของสารเคมีหลาย ๆ อย่าง เช่น พาราเบน สารกันเสีย เป็นต้น ดังนั้นผู้ประสบปัญหาจึงควรเลือกใช้แชมพูไร้สารเคมีจะดีกว่า

บำรุงผมด้วยอาหารเพื่อสารอาหารที่จำเป็น

อีกหนึ่งวิธีแก้ผมร่วงที่ช่วยได้ดี คือ การกระตุ้นความแข็งแรงให้เซลล์รากผมจากภายใน โดยเฉพาะสารอาหารประเภทวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารจำเป็นที่รากผมต้องการเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงให้เส้นผมแข็งแรงและดูเงางามต่อไป ทั้งนี้อาจทำให้ผมกลับมามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและดูหนาขึ้นตามที่ต้องการได้

เลือกทรงผมที่เหมาะกับเส้นผมของเรา

แม้จะไม่ใช้การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอโดยตรง แต่การเลือกทรงผมสำคัญมาก เนื่องจากสามารถช่วยอำพรางขนาดของเส้นผมที่แท้จริง และทำให้ผมดูให้หนาขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ควรเลือกทรงผมดี ๆ

แนวทางแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการดูแลรักษาของผู้ที่มีเส้นผมเล็ก กับ ผู้ที่มีภาวะผมบาง มีแนวทางการดูแลและรักษาที่ต่างกัน โดยสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางสามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีปลูกผมจากทางการแพทย์ได้

ตามเทคนิคต่าง ๆ ดังนี้

เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค Advanced- FUE

การปลูกผมแบบ Advanced-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกันเทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advanced เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant)

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน

เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ
ก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บริการปลูกผม จาก Vital Glow Clinic

รีวิวจากผู้เข้ารับบริการปลูกผมจาก Vital Glow Clinic

กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด และโดยทั่วไปกราฟผมจะมีผมกี่เส้น



ทำไมต้องปลูกผมที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

เพราะปลูกผมในโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลนวมินทร์9 ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล JCI, USA โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยเพราะทำในโรงพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานสากลระบบโลก JCI ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ด้วยความชำนาญจากแพทย์ดังที่ได้กล่าวไป จึงส่งผลให้มีผลข้างเคียงน้อยตามไปด้วย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งการรับประกัน 1 ปีเต็ม ติดตามอาการและดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผมไม่มีค่าใช้จ่าย ปลูกไม่ขึ้น ปลูกให้ใหม่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องทำซ้ำ อยู่กับเราไปตลอด เส้นผมขึ้นใหม่เป็นเส้นผมจริงตามธรรมชาติ ที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน หลุดร่วงช้ากว่าวงจรปกติ บริการ ปลูกผม เส้นผมและหนังศีรษะ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

1). The PRIME สาขา โรงพยาบาลนวมินทร์9
Facebook: The PRIME Medical Center โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (www.facebook.com/theprimenavamin9)
Instagram: the.prime.medical (www.instagram.com/the.prime.medical)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 095-750-5555
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)

2). The PRIME พระโขนง
Facebook: The PRIME Medical Center สาขา summer hill พระโขนง (www.facebook.com/the.prime.summerhill)
Instagram: the.prime.sukhumvit (www.instagram.com/the.prime.sukhumvit)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 082-479-4666
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)