ผมบางกลางหัวเกิดจากอะไร รักษาหายไหม เสี่ยงหัวล้านหรือเปล่า?

ผมบางกลางหัวเกิดจากอะไร คงเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ประสบปัญหาและไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดสักทีว่าต้นเหตุของอาการผมบางที่เกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะของตนเองมาจากอะไรกันแน่ จนทำให้กังวลว่าผมบางเช่นนี้จะมีภาวะรุนแรงจนถึงขั้นหัวล้านเลยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะสาเหตุของอาการนี้ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวแม้แต่น้อยและไม่ใช่สาเหตุที่แปลกใหม่แต่อย่างใด ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสาเหตุดังกล่าวไปพร้อม ๆ กัน

ผมบางกลางหัวเกิดจากอะไร มีความเสี่ยงที่ทำให้หัวล้านได้หรือเปล่า?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าปัญหาผมบางกลางศีรษะถือเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่มีภาวะศีรษะล้าน ซึ่งโดยปกติมักเกิดกับผู้ที่มีสาเหตุมาจากหัวล้านทางพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักเริ่มบริเวณกลางศีรษะก่อน จากนั้นจะลามไปยังบริเวณโดยรอบ และแน่นอนว่าหากไม่รีบเข้าพบแแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและความรุนแรงของภาวะอาการ ณ ตอนนั้น ๆ ก็อาจทำให้ผู้ประสบปัญหามีภาวะศีรษะล้านตามมาได้ในที่สุด

สาเหตุของภาวะผมบางกลางหัว

สาเหตุของภาวะผมบางกลางศีรษะนั้น ส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกับหัวล้านแบบทั่วไป คือ

  • กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ คนมีภาวะหัวล้าน โดยเฉพาะในคุณผู้ชายเนื่องด้วยในเพศชายที่มีฮอร์โมน DHT ซึ่งแม้จะไม่ได้มีภาวะผมบางที่กลางศีรษะแต่คุณผู้ชายก็สามารถเกิดบริเวณอื่นของศีรษะได้อยู่ดี โดยภาวะผมบางที่เกิดจากพันธุกรรมทางครอบครัวเช่นนี้ ในคุณผู้ชายและผู้หญิงเรียกเหมือนกันว่าภาวะ Androgenetic alopecia ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ผมร่วงทั้งศีรษะได้โดยจะเริ่มจากตรงกลางก่อน
  • ฮอร์โมน จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าในคุณผู้ชายนั้นจะมีภาวะหัวล้านรุนแรงมาจากฮอร์โมนของตนเองนั่นคือ DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งถูกสร้างมาจากฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งหาก DHT ทำปฏิกิริยากับรากผมเมื่อไหร่ ก็จะทำให้รากผมมีความแข็งแรงน้อยลง ระยะการเจริญเติบโตสั้นลง หลุดร่วงง่าย และกลายป็นภาวะหัวล้านในที่สุด
  • อื่น ๆ ปัจจัยอื่น ๆ ในที่นี้จะเป็นสาเหตุรอง ๆ เช่น อายุที่มากขึ้น, โรคบางชนิด เช่น เชื้อราบนหนังศีรษะ, พฤติกรรมเสี่ยง เช่น มัดผมแน่น มัดผมตึงเกินไป และภาวะทางจิตใจที่ชอบดึงผมตนเอง ฯลฯ

ลักษณะอาการที่พบใน ชาย VS หญิง

เนื่อกจากอาการหัวล้านบริเวณกลางศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งคุณผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้น แม้จะมีอาการผมร่วงและผมบางเหมือนกัน แต่ก็จะมีรูปแบบของลักษณะการล้านที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้

หัวล้านตรงกลางในผู้ชาย (Male Pattern Baldness)

สำหรับภาวะหัวล้านในคุณผู้ชายที่แสดงเป็นลักษณะของหัวล้านตรงกลางเป็นรูปแบบที่พบได้มากที่สุด ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นคือ ภาวะผิดปกตินี้ส่งผลให้คุณผู้ชายมีผมบางหรือผมหลุดร่วงได้รอบ ๆ ศีรษะเลยทีเดียว หากแต่จะเริ่มที่บริเวณกลางศีรษะก่อนและค่อย ๆ ลามมารอบ ๆ บริเวณศีรษะ

หัวล้านตรงกลางในผู้หญิง (Female Pattern Baldness)

ต้องบอกก่อนว่า แม้คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนจะคิดว่าอาการผมร่วงเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง ร่วงแล้วเดี๋ยวก็ขึ้นใหม่ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ยิ่งในเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีภาวะหัวล้าน ซึ่งการที่ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เป็นเฉพาะบริเวณ หรือในที่นี้คือร่วงแค่ตรงกลางหัว (คล้ายกับอาการของคุณผู้ชาย) ไม่ใช่เรื่องปกติ ต้องรีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาหนทางรักษาให้ถูกจุด

แนวทางการรักษาภาวะผมบางกลางศีรษะ

สำหรับแนวทางการรักษา

สำหรับผู้ที่มีภาวะหัวล้านกลางศีรษะ

  • เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

  • เทคนิค Advance- FUE

การปลูกผมแบบ Advance-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

  • เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

  • เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant)

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

สำหรับผู้ที่มีผมบาง

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย PRP

การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ Hair Therapy เป็นการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่อ่อนแอ ให้กลับแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการทำ PRP นี้ถือเป็นการปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง กับคนไข้ที่มีภาวะปัญหาผมบาง และหลุดร่วงง่ายแต่จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับบริเวณที่ไม่มีผมขึ้นมาเลย หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง โดย PRP แพทย์จะทำการฉีดไปบริเวณส่วนที่ต้องการการฟื้นฟู และยังช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่หยุดทำงาน ให้กลับมาสร้างเส้นผมได้พร้อมบำรุงให้เกิดความแข็งแรง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถเห็นความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ PRP ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้งพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ นับว่าเป็นทางเลือกในการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถทำควบคู่กับการปลูกผม FUE/DHI/NHI ฯลฯ ได้อีกด้วย

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย MESO Hair

การทำ MESO Hair เป็นการผลักตัวยา และวิตามินเข้าบำรุงเซลล์รากผม เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางหลุดร่วง ส่วนมากเกิดจากความเครียด, การเจ็บป่วย, การดัดย้อมด้วยเคมีที่รุนแรง เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ซึ่ง MESO Hair เป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เสริมสร้างการเกิดใหม่ของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วงให้เส้นผมมีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการทำสองสัปดาห์ต่อครั้ง และส่วนมากจะเริ่มเห็นผลในเดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย โปรตีนขนาดเล็ก Exosome

วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้องค์ประกอบของโปรตีน ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางของโปรตีนประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึง 1/1,000 เท่า ใน Exosome จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลเกุลมากมาย อาทิเช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA ฯลฯ ที่มากกว่า PRP 1,000 เท่าตัว ทำให้เกิดการกระตุ้น ฟื้นฟู และมีการซ่อมแซมเซลล์รากผมได้อย่างดีเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ
ก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บริการปลูกผม จาก Vital Glow Clinic

รีวิวจากผู้เข้ารับบริการปลูกผมจาก Vital Glow Clinic

กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด และโดยทั่วไปกราฟผมจะมีผมกี่เส้น



ทำไมต้องปลูกผมที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

เพราะปลูกผมในโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลนวมินทร์9 ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล JCI, USA โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยเพราะทำในโรงพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานสากลระบบโลก JCI ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ด้วยความชำนาญจากแพทย์ดังที่ได้กล่าวไป จึงส่งผลให้มีผลข้างเคียงน้อยตามไปด้วย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งการรับประกัน 1 ปีเต็ม ติดตามอาการและดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผมไม่มีค่าใช้จ่าย ปลูกไม่ขึ้น ปลูกให้ใหม่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องทำซ้ำ อยู่กับเราไปตลอด เส้นผมขึ้นใหม่เป็นเส้นผมจริงตามธรรมชาติ ที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน หลุดร่วงช้ากว่าวงจรปกติ บริการ ปลูกผม เส้นผมและหนังศีรษะ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

1). The PRIME สาขา โรงพยาบาลนวมินทร์9
Facebook: The PRIME Medical Center โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (www.facebook.com/theprimenavamin9)
Instagram: the.prime.medical (www.instagram.com/the.prime.medical)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 095-750-5555
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)

2). The PRIME พระโขนง
Facebook: The PRIME Medical Center สาขา summer hill พระโขนง (www.facebook.com/the.prime.summerhill)
Instagram: the.prime.sukhumvit (www.instagram.com/the.prime.sukhumvit)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 082-479-4666
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)