หัวล้านตรงกลาง เกิดจากอะไร รักษาหายหรือไม่?

หัวล้านตรงกลาง ปัญหาที่หลาย ๆ คนกำลังพบเจอและพยายามหาวิธีแก้ไข ซึ่งต้องบอกว่า “เส้นผม” ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับร่างกายของเรา เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่สามารถปกป้องหนังศีรษะและกำหนดบุคลิกของโครงหน้าได้แล้ว มันยังเป็นสิ่งที่สามารถแสดงอาการของภาวะผิดปกติบางอย่างของร่างกายได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากคุณประโยชน์ดังกล่าว ทำให้เราหลาย ๆ คนค่อนข้างรักและหวงแหนเส้นผมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเพศชายหรือหญิงก็ตาม และเมื่อเกิดภาวะหัวล้านตรงกลางศีรษะขึ้นจึงทำให้ผู้ประสบปัญหาสูญเสียความมั่นใจและกังวลว่าจะมีวิธีไหนที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง วันนี้ Vital Clinic มีคำตอบมาฝากกัน

หัวล้านตรงกลาง เกิดจากอะไร มีลักษณะอย่างไรบ้าง?

จากที่กล่าวไปว่า ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะดังกล่าวส้างความวิตกกังวลให้ผู้ที่กำลังประสบอยู่ ดังนั้น สิ่งสำคัญก่อนที่เราจะรู้ว่าวิธีแก้ปัญหาหัวล้านกลางศีรษะคืออะไร คือการทราบก่อนว่าปัญหานี้มีสาเหตุจากอะไรบ้างนั่นเอง

หัวล้านกลางศีรษะ เกิดจาก…

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าปัญหาผมบางกลางศีรษะถือเป็จุดเริ่มต้นของผู้ที่มีภาวะศีรษะล้าน ซึ่งโดยปกติมักเกิดกับผู้ที่มีสาเหตุมาจากหัวล้านทางพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักเริ่มบริเวณกลางศีรษะก่อน จากนั้นจะลามไปยังบริเวณโดยรอบ และแน่นอนว่าหากไม่รีบเข้าพบแแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและความรุนแรงของภาวะอาการ ณ ตอนนั้น ๆ ก็อาจทำให้ผู้ประสบปัญหามีภาวะศีรษะล้านตามมาได้ในที่สุด

โดยมักมีสาเหตุมาจาก

  • กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ คนมีภาวะหัวล้าน โดยเฉพาะในคุณผู้ชายเนื่องด้วยในเพศชายที่มีฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งแม้จะไม่ได้มีภาวะผมบางที่กลางศีรษะแต่คุณผู้ชายก็สามารถเกิดบริเวณอื่นของศีรษะได้อยู่ดี โดยภาวะผมบางที่เกิดจากพันธุกรรมทางครอบครัวเช่นนี้ ในคุณผู้ชายและผู้หญิงเรียกเหมือนกันว่าภาวะ Androgenetic alopecia ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ผมร่วงทั้งศีรษะได้โดยจะเริ่มจากตรงกลางก่อน
  • ฮอร์โมน จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าในคุณผู้ชายนั้นจะมีภาวะหัวล้านรุนแรงมาจากฮอร์โมนของตนเองนั่นคือ DHT ซึ่งถูกสร้างมาจากฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่าเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งหาก DHT ทำปฏิกิริยากับรากผมเมื่อไหร่ ก็จะทำให้รากผมมีความแข็งแรงน้อยลง
  • อื่น ๆ ปัจจัยอื่น ๆ ในที่นี้จะเป็นสาเหตุรอง ๆ เช่น อายุที่มากขึ้น, โรคบางชนิด เช่น เชื้อราบนหนังศีรษะ, พฤติกรรมเสี่ยง เช่น มัดผมแน่น มัดผมตึงเกินไป และภาวะทางจิตใจที่ชอบดึงผมตนเอง ฯลฯ

รูปแบบหัวล้านกลางศีรษะในชายและหญิง

จากภาวะอาการที่เกิดขึ้น ทำให้อาการที่แสดงในหญิงและชายแตกต่างกันออกไป…

หัวล้านตรงกลางในผู้ชาย (Male Pattern Baldness)

สำหรับภาวะหัวล้านในคุณผู้ชายที่แสดงเป็นลักษณะของหัวล้านตรงกลางเป็นรูปแบบที่พบได้มากที่สุด ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นคือ ภาวะผิดปกตินี้ส่งผลให้คุณผู้ชายมีผมบางหรือผมหลุดร่วงได้รอบ ๆ ศีรษะเลยทีเดียว หากแต่จะเริ่มที่บริเวณกลางศีรษะก่อนและค่อย ๆ ลามมารอบ ๆ บริเวณศีรษะ

หัวล้านตรงกลางในผู้หญิง (Female Pattern Baldness)

ต้องบอกก่อนว่า แม้คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนจะคิดว่าอาการผมร่วงเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง ร่วงแล้วเดี๋ยวก็ขึ้นใหม่ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ยิ่งในเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีภาวะหัวล้าน ซึ่งการที่ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เป็นเฉพาะบริเวณ หรือในที่นี้คือร่วงแค่ตรงกลางหัว (คล้ายกับอาการของคุณผู้ชาย) ไม่ใช่เรื่องปกติ ต้องรีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาหนทางรักษาให้ถูกจุด

หัวล้านกลางศีรษะ รักษาด้วยการ “ปลูกผม” ได้มั้ย

คำตอบคือ ได้ โดยสามารถทำได้ทั้งผู้ที่มีภาวะผมบางและหัวล้านเตียน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม ดังนั้น ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เสียก่อนหากไม่ต้องการสูญเสียผมธรรมชาติไป ทั้งนี้วิธีปลูกผมมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น…

เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค Advance- FUE

การปลูกผมแบบ Advance-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน โดยเทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant) จาก Vital Glow Clinic

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน

โดยเทคนิคนี้ของเรา เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม วิธีต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT ต่างกันยังไง แบบไหนดีกว่ากัน?

ปลูกผม FUE VS ปลูกผม FUT ต่างกันยังไง แบบไหนดีกว่ากัน?

ขั้นตอนการทำ PRP (PLATELET-RICH PLASMA)



ทำไมต้องปลูกผมที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

เพราะปลูกผมในโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลนวมินทร์9 ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล JCI, USA โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยเพราะทำในโรงพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานสากลระบบโลก JCI ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ด้วยความชำนาญจากแพทย์ดังที่ได้กล่าวไป จึงส่งผลให้มีผลข้างเคียงน้อยตามไปด้วย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งการรับประกัน 1 ปีเต็ม ติดตามอาการและดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผมไม่มีค่าใช้จ่าย ปลูกไม่ขึ้น ปลูกให้ใหม่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องทำซ้ำ อยู่กับเราไปตลอด เส้นผมขึ้นใหม่เป็นเส้นผมจริงตามธรรมชาติ ที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน หลุดร่วงช้ากว่าวงจรปกติ บริการ ปลูกผม เส้นผมและหนังศีรษะ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

1). The PRIME สาขา โรงพยาบาลนวมินทร์9
Facebook: The PRIME Medical Center โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (www.facebook.com/theprimenavamin9)
Instagram: the.prime.medical (www.instagram.com/the.prime.medical)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 095-750-5555
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)

2). The PRIME พระโขนง
Facebook: The PRIME Medical Center สาขา summer hill พระโขนง (www.facebook.com/the.prime.summerhill)
Instagram: the.prime.sukhumvit (www.instagram.com/the.prime.sukhumvit)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 082-479-4666
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)