ปลูกผมถาวร คืออะไร ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง?

ปลูกผมถาวร อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากหลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหา หัวล้าน ผมร่วง ผมบาง จนต้องเลือกวิธีการรักษาที่เห็นผลและให้ผลลัพธ์ได้ในระยะยาว การปลูกผมแบบถาวร จึงเป็นวิธีที่มักถูกเลือกนั่นเอง อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นที่นิยมแค่ไหน แต่เชื่อเหลือเกินว่ายังมีอีกหลายท่านที่อาจจะยังไม่ทราบและรู้จักหัตถการชนิดนี้มากพอ ดังนั้น ในบทความนี้ Vital Glow จึงจะพาผู้อ่านมาทำความรู้จักกับการปลูกผมมากขึ้นพร้อมวิธีเลือกการรักษาให้เหมาะกับตนเอง

ปลูกผมถาวร คืออะไร ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง?

ปลูกผมถาวร คืออะไร เจ็บไหม มีกี่วิธีบ้าง?

จากที่กล่าวไปว่าปัญหาของศีรษะ ไม่ว่าจะเป็น ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ก็ต่างสามารถสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีต่อบุคลิกภาพของตัวเองและทำให้หลายคนอาจขาดความมั่นใจได้ทั้งสิ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ โรคบางชนิด เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคผิวหนังบางชนิด ความเครียดที่เกิด หรือแม้แต่ฮอร์โมนเพศที่อยู่ในตัวเราเองด้วยเช่นเดียวกัน แต่ปัญหาดังกล่าวก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการปลูกผมนั่นเอง ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เรามาติดตามไปพร้อม ๆ กัน แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับการปลูกผมถาวรกันก่อนว่าคืออะไรกันแน่

การปลูกผมแบบถาวร คืออะไร?

การปลูกผม หรือ Hair Transplantation เป็นหัตถการที่อยู่ในกลุ่มศัลยกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาศีรษะในด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาศีรษะล้าน ผมร่วง ผมบาง เป็นต้น ซึ่งการปลูกผมนั้นสามารถแบ่งออกได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด และ การไม่ผ่าตัด เช่น การทำ Treatment, การให้ยา วิตามิน และ อาหารเสริม ซึ่งผู้ที่เข้ารับการรักษาก็จะได้รับวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไปตามการวินิจฉัยและดุลยพินิจของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญนั่นเอง

ใครบ้างที่เหมาะกับการปลูกผม?

สำหรับการปลูกผมนั้น มักจะมีภาพจำเกี่ยวกับการเป็นวิธีรักษาผู้ที่ประสบปัญหาหัวล้าน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นวิธีที่เพิ่มความมั่นใจและปรับปรุงบุคลิกภาพ และถือเป็นการศัลยกรรมความงามชนิดหนึ่ง

โดยผู้ที่เข้ารับการปลูกผมควรเป็นผู้มีคุณสมบัติดังนี้…

ผู้ที่มีภาวะหัวล้านแบบผู้ชาย

สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คุณผู้ชายหลาย ๆ คนต้องพบกับปัญหาศีรษะล้านก็คือ กรรมพันธุ์ที่ถูกส่งต่อมาจากคนในครอบครัว ซึ่งอาจมีมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด คุณปู่ คุณตา มาเรื่อย ๆ จนมาถึงรุ่นของเราเอง ซึ่งหากคุณผู้ชายท่านใดที่มากรรมพันธุ์นี้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และต้องมาผสมโรงกับปัญหาจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญอีกตัวหนึ่งของเพศชายที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายที่ค่อนข้างแรง ส่งผลให้เส้นผมของคุณผู้ชายหลาย ๆ ท่านมีระยะของการเจริญเติบโตผิดปกติ และทำให้รากผมและต่อมผมฝ่อลงตามไปด้วย จนกลายเป็นภาวะศีรษะล้านตามที่เห็นกันนั่นเอง

ผู้ที่มีปัญหาผมบาง

อาการผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุที่หลายคนมองข้ามก็คือ พฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางพฤติกรรมดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำกันอยู่ทุกวัน และพฤติกรรมเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เกิดปัญหาเส้นผมร่วงมากกว่าปกติ เช่น อุณหภูมิที่ใช้สระผมไม่เหมาะสม, สระผมบ่อยเกิน, นอนดึก, รุนแรงกับเส้นผม เช่น มัดตึง ดึง รั้งเกินไป ฯลฯ

การปลูกผม แบ่งออกเป็นกี่วิธี

การรักษาโดยการปลูกผมนั้นแบ่งออกได้หลายวิธีด้วยกัน ซึ่งจะถูกแบ่งออกตามประเภทของผู้ประสบปัญหาในแบบต่าง ๆ ดังนี้

วิธีรักษาสำหรับผู้ประสบปัญหาหัวล้าน

แบ่งออกได้เป็น 4 วิธีหลัก ๆ คือ

  • เทคนิค FUE

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยไปปลูกถ่ายยังบริเวณที่ต้องการเทคนิคนี้เป็นเทคนิคไร้แผลเย็บ ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล ที่สำคัญคือไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากเทคนิคนี้จะใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กมากแล้วนำเซลล์รากผมออกมาปลูกถ่าย เพื่อให้ได้แนวไรผมที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ ใช้ระยเะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟที่นำมาปลูกถ่าย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้าน ที่ไม่ต้องการใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นอย่างมาก เทคนิคนี้จะเห็นถึงความหนาแน่นของเส้นผมที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทั่วไปใช้เวลาเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

  • เทคนิค Advance- FUE

การปลูกผมแบบ Advance-FUE เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากเทคนิค FUE เดิม ที่ใช้อุปกรณ์ในการเจาะที่มีขนาดเล็กกว่ามาก ขั้นตอนที่ทำเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือความหนาแน่นที่มากกว่า ได้แนวไรผมที่ชิดมากกว่า เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากทำเสร็จ ส่วนระยะเวลาที่ใช้นั้นจะมากกว่าแบบ FUE ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เทคนิคนี้ใช้ทักษะที่สูงกว่า และขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ความหนาแน่นมากขึ้น ที่สำคัญยังคงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นมากเช่นกัน
เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากเทคนิค FUE ได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ประมาณ 6-10 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองการรักษาของแต่ละเคส

  • เทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

การปลูกผมแบบ DHI เป็นวิธีการปลูกผมที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้ โดยแพทย์จะใช้กราฟ หรือกอผม 1-4 เส้นบริเวณท้ายทอย โดยใช้เครื่องมือ DHI Implanter กราฟในการดึงออกมาจากท้ายทอยและกราฟที่ปักออกไปสามารถทำได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเสียเวลาทำแยกสองขั้นตอนเหมือนวิธี FUE ส่งผลให้ลดปัญหารากผม และเซลล์รากผมเกิดความเสียหายระหว่างปลูกผมได้เป็นอย่างดีรวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนไปทั้งศีรษะ เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวจะสามารถควบคุมทิศทาง ความลึก และมุมองศาในการปลูกได้แม่นยำ โดยทั่วไปอาจจะใช้เทคนิคนี้ร่วมกับการปลูกผมแบบ FUE Advance เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างดี เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Hi Density โดยที่ได้เรื่องแนวไรผมที่สวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติ และมาตรฐานที่สูงขึ้น

  • เทคนิค NHI (Navamin Hair Implant)

การปลูกผมแบบ NHI เป็นเทคนิคเดียวในประเทศ ที่เป็นวิธีการเฉพาะของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่ได้รับมาตรฐานจากองค์กรระดับโลก JCI โดยเทคนิคนี้จะคล้ายคลึงกับการปลูกผมแบบ DHI แต่จะใช้เทคนิคการเจาะ และการปลูกถ่ายจากประเทศเกาหลี รวมถึงเครื่องมือ Implanter ระดับ Hi-End ซึ่งนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในแง่ของ เซลล์รากผมที่ไม่บอบช้ำ มีอัตราการรอดหลังการปลูกถ่ายสูงที่สุด ยังได้ในส่วนของการดูแลหลังการปลูกที่ง่ายกว่า แผลหายเร็วกว่ารวมถึงผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าแบบเห็นได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปราณีตที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดูแลง่ายที่สุด และมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาการปลูกด้วยเทคนิคอื่น ๆ โดยแพทย์ที่ทำการปลูกผมด้วยเทคนิคนี้ จะต้องมีความเข้าใจในความเป็นธรรมชาติของแนวไรผมของคนไข้ และการวาดแนวกรอบหน้าให้เหมาะสม และใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง เทคนิคนี้จะได้ความหนาแน่นแบบ Ultra Hi Density ได้แนวไรผมที่สวยงามมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้มาตรฐานที่สูงที่สุดอีกด้วย

วิธีรักษาสำหรับผู้ประสบปัญหาผมบาง

วิธีรักษาสำหรับผู้ประสบปัญหาผมบาง

แบ่งออกได้เป็น 3 วิธีหลัก ๆ คือ

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย PRP

การทำ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือ Hair Therapy เป็นการซ่อมแซมเซลล์รากผมที่อ่อนแอ ให้กลับแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการทำ PRP นี้ถือเป็นการปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง กับคนไข้ที่มีภาวะปัญหาผมบาง และหลุดร่วงง่ายแต่จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับบริเวณที่ไม่มีผมขึ้นมาเลย หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง โดย PRP แพทย์จะทำการฉีดไปบริเวณส่วนที่ต้องการการฟื้นฟู และยังช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมที่หยุดทำงาน ให้กลับมาสร้างเส้นผมได้พร้อมบำรุงให้เกิดความแข็งแรง ผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถเห็นความหนาแน่นของเส้นผมเพิ่มขึ้นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ PRP ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้งพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ นับว่าเป็นทางเลือกในการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถทำควบคู่กับการปลูกผม FUE/DHI/NHI ฯลฯ ได้อีกด้วย

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย MESO Hair

การทำ MESO Hair เป็นการผลักตัวยา และวิตามินเข้าบำรุงเซลล์รากผม เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมบางหลุดร่วง ส่วนมากเกิดจากความเครียด, การเจ็บป่วย, การดัดย้อมด้วยเคมีที่รุนแรง เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ซึ่ง MESO Hair เป็นตัวช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิตบริเวณหนังศีรษะ ทำให้เซลล์รากผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เสริมสร้างการเกิดใหม่ของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วงให้เส้นผมมีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการทำสองสัปดาห์ต่อครั้ง และส่วนมากจะเริ่มเห็นผลในเดือนที่ 2-3 เป็นต้นไป

  • การกระตุ้นเซลล์รากผมด้วย โปรตีนขนาดเล็ก Exosome

วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่ใช้องค์ประกอบของโปรตีน ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางของโปรตีนประมาณ 30-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึง 1/1,000 เท่า ใน Exosome จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลเกุลมากมาย อาทิเช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA ฯลฯ ที่มากกว่า PRP 1,000 เท่าตัว ทำให้เกิดการกระตุ้น ฟื้นฟู และมีการซ่อมแซมเซลล์รากผมได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวอย่างของชีวโมเลกุลที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์รากผม

  • Cytokine และ Growth factor เป็นตัวทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ เพื่อให้มีการทำงานของเซลล์นั้น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Micro RNA เป็นตัวช่วยปรับระดับการทำงานของยีนส์ในเซลล์ให้เป็นปกติ กระตุ้นการสร้างโปรตีน ยับยั้งยีนส์ที่ไม่ดี ส่งผลให้เซลล์รากผมมีการเจริญเติบโตที่ดี
    ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และชะลอวัยในระดับเซลล์

โดยในการปลูกผมในแต่ละครั้ง ศัลยแพทย์อาจทำการปลูกผมในปริมาณตั้งแต่หลายร้อยเส้น ไปจนถึงหลายพันเส้น ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป เมื่อการปลูกผมเสร็จสิ้น ศัลยแพทย์จะนำผ้าก๊อชคือผ้าพันแผลที่สามารถระบายอากาศได้ปิดบริเวณที่ทำการปลูกผมไว้ประมาณ 1-2 วัน โดยในการปลูกผมอาจจะต้องทำซ้ำ 3-4 ครั้งจนกว่าได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจตามที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องการ ขณะที่ในการปลูกผมแต่ละครั้งจะต้องทิ้งระยะเวลาห่างกันหลายเดือนเพื่อให้แผลจากการรักษาครั้งก่อนหายเป็นปกติแล้วจึงจะสามารถทำการปลูกผมในครั้งต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาสำหรับผู้มีภาวะผมบางเท่านั้น โดยยังมีอีกหลายหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับ อาการ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและประเมิน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็น 3 อย่างนี้ หรือ วิธีอื่นๆ
ก็เป็นได้ เช่น ยา วิตามิน อาหารเสริม สเปรย์ เซชั่น แชมพู ฉายแสง การฉีดตัวยาอื่น ๆ หรือทรีตเม้นท์อื่น ๆ ด้วย เป็นต้น

สรุป ปลูกผมแบบถาวร ดีมั้ย สามารถแก้ไขปัญหาหัวล้านและผมบางได้จริงหรือเปล่า?

สำหรับคำตอบของคำถามนี้ คือ การศัลยกรรมและรักษาปัญหาศีรษะและเส้นผมด้วยการปลูกผมแบบถาวรนี้ถือว่าตอบโจทย์ที่สุด เพราะแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ข้อดีของหัตถการชนิดนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น การให้ผลอย่างถาวร ไม่ร่วงง่ายจนกลับไปเป็นปัญหาเดิมอีก, ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้เข้ารับการรักษากลับมาอีกครั้ง, ผลข้างเคียงน้อย รวมถึงสามารถรักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ ได้เพื่อผลที่ดีขึ้น ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาจึงสามารถทำให้ผู้ที่จะเข้ารับบริการมั่นใจได้เลยว่าการปลูกผมแบบถาวรจะสามารถช่วยและแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดอย่างแท้จริง

สุดท้ายนี้ วิธีและเทคนิคการปลูกผมดังกล่าวนั้นจะถูกนำมาใช้กับผู้บริการคนไหนบ้าง จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาและดุลยพินิจของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่กำลังสนใจอยากเข้ารับบริการปลูกผมจึงควรเข้ารับการตรวจเช็คอย่างละเอียดและเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อที่จะได้ทราบแนวทางการรักษาสำหรับตนเองโดยเฉพาะและทราบถึงการเตรียมตัวและดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการอย่างละเอียดกับแพทย์-ผู้เชี่ยวชาญแบบตัวต่อตัวด้วยนั่นเอง

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บริการปลูกผม จาก Vital Glow Clinic

รีวิวจากผู้เข้ารับบริการปลูกผมจาก Vital Glow Clinic

กราฟผมคืออะไร กราฟผมมีกี่ชนิด และโดยทั่วไปกราฟผมจะมีผมกี่เส้น



ทำไมต้องปลูกผมที่ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

เพราะปลูกผมในโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลนวมินทร์9 ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล JCI, USA โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และบุคลากรทางการแพทย์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยเพราะทำในโรงพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานสากลระบบโลก JCI ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ด้วยความชำนาญจากแพทย์ดังที่ได้กล่าวไป จึงส่งผลให้มีผลข้างเคียงน้อยตามไปด้วย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล พร้อมทั้งการรับประกัน 1 ปีเต็ม ติดตามอาการและดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผมไม่มีค่าใช้จ่าย ปลูกไม่ขึ้น ปลูกให้ใหม่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทำเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องทำซ้ำ อยู่กับเราไปตลอด เส้นผมขึ้นใหม่เป็นเส้นผมจริงตามธรรมชาติ ที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นเส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน หลุดร่วงช้ากว่าวงจรปกติ บริการ ปลูกผม เส้นผมและหนังศีรษะ The PRIME Medical Center by NAVAMIN9 HOSPITAL

1). The PRIME สาขา โรงพยาบาลนวมินทร์9
Facebook: The PRIME Medical Center โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (www.facebook.com/theprimenavamin9)
Instagram: the.prime.medical (www.instagram.com/the.prime.medical)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 095-750-5555
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)

2). The PRIME พระโขนง
Facebook: The PRIME Medical Center สาขา summer hill พระโขนง (www.facebook.com/the.prime.summerhill)
Instagram: the.prime.sukhumvit (www.instagram.com/the.prime.sukhumvit)
Tiktok: the.prime.medical (www.tiktok.com/@the.prime.medical)
TEL: 082-479-4666
Line OA: @the.prime (https://lin.ee/JjTrppd)